ในทุกๆ ปีเราจะประสบกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ฟุ้งกระจายไปทั่วประเทศและมักจะพบในฤดูหนาว ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพระบบทางเดินหายใจและระบบร่างกายอื่นๆได้ถึงขั้นเสียชีวิต โดยองค์กรอนามัยโลก (WHO) ตั้งค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศ ว่าหากมีเกินกว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขณะที่ประเทศไทยกำหนดอันตรายของฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่ามีความเสี่ยงมากๆ
ดังนั้น AAF เราคือผู้เชี่ยวชาญระบบกรองอากาศที่มีประสบการณ์กว่า 100 ปี ขอแชร์เคล็ดไม่ลับ “แนวทางการทำห้องปลอดฝุ่น” สำหรับ Indoor ไม่ว่าจะเป็น บ้าน อาคารสำนักงาน สถานที่ทำงานต่างๆ บอกเลยว่า ง่ายมากๆ ไม่ยากอย่างคิด
วิธีป้องกัน PM2.5 พร้อมการคำนวณเลือกเครื่องฟอกอากาศและเครื่องเติมอากาศ
เราจะป้องกันฝุ่น PM2.5 และสารพิษในอากาศส่งผลเสียต่อสุขภาพได้อย่างไร การสร้าง “ห้องปลอดฝุ่น” จึงเป็นวิธีสำคัญในการลดความเสี่ยงจากมลพิษทางอากาศ บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือก เครื่องฟอกอากาศ, เครื่องเติมอากาศ และแผ่นกรองอากาศ พร้อมการคำนวณที่ช่วยให้เลือกซื้ออุปกรณ์ได้อย่างแม่นยำ คุ้มกับเงินที่คุณจะซื้อแน่นอน
1. ห้องปลอดฝุ่นคืออะไร?
ห้องปลอดฝุ่น (Cleanroom) คือห้องที่ควบคุมปริมาณฝุ่นและสารในอากาศให้น้อยลง เพื่อลดความเสี่ยงจากการหายใจเอาฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย โดยใช้ เครื่องฟอกอากาศ, เครื่องเติมอากาศ, และ แผ่นกรองอากาศ
ค่ามลพิษทางอากาศที่แนะนำในห้องปลอดฝุ่น
สารมลพิษ | ค่าแนะนำ (มาตรฐาน WHO & ASHRAE) |
PM 2.5 | ≤ 12 µg/m³ (ดีมาก), ≤ 35 µg/m³ (ปานกลาง) |
CO₂ (คาร์บอนไดออกไซด์) | < 800 ppm (ดีมาก), < 1000 ppm (ยอมรับได้) |
VOC (สารอินทรีย์ระเหยง่าย) | < 0.3 mg/m³ (ดีมาก) |
Formaldehyde (ฟอร์มาลดีไฮด์) | < 0.1 mg/m³ |
2.วิธีทำห้องปลอดฝุ่นในบ้าน
แนวทางการจัดทำห้องปลอดฝุ่น
2.1 ใช้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม
เครื่องฟอกอากาศ ช่วยกำจัดฝุ่น PM2.5, แบคทีเรีย และสารพิษ โดยควรเลือกเครื่องที่มี แผ่นกรอง HEPA และ Activated Carbon อย่างเช่นรุ่น AstroPure 550CP ของ AAF
คุณสมบัติที่ต้องมีในเครื่องฟอกอากาศ
✔ แผ่นกรองอากาศ HEPA 13 หรือ 14 – กรอง PM2.5 ได้ 99.99% @0.3 ไมครอน
✔ แผ่นกรองคาร์บอน (Activated Carbon) – ดูดซับกลิ่นและสารเคมี
✔ CADR สูง – ค่า Clean Air Delivery Rate (CADR) ต้องเหมาะกับขนาดห้อง
*บอกเลยว่า AstroPure 550CP ของ AAF มีครบทุกข้อ และแอพพลิเคชั่นการใช้งานเพียบ
2.2 คำนวณ CADR ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง
การเลือกเครื่องฟอกอากาศต้องดู CADR (m³/h) ตามขนาดห้อง ให้นึกภาพออกก็คล้ายๆกับการเลือกแอร์หรือเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับขนาดห้อง
CADR คืออะไร?
CADR (Clean Air Delivery Rate) คือ อัตราการส่งอากาศบริสุทธิ์ที่เครื่องฟอกอากาศสามารถทำได้ในหนึ่งชั่วโมง วัดเป็นหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (m³/h) ค่า CADR ที่สูงขึ้นหมายถึงความสามารถในการฟอกอากาศได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนปริมาณของค่า CADR ที่เหมาะสมกับขนาดห้องของคุณ
*ซึ่งหลายๆ แบรนด์ที่ขายเครื่องฟอกอากาศทั้งหลายไม่ค่อยบอกถึงค่านี้เท่าไหร่ ทำให้ลูกค้าขาดความรู้ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่ไม่ครอบคลุมกับพื้นที่ที่ของห้อง
สูตรคำนวณ CADR
- หาพื้นที่ห้อง พื้นที่ห้องหน่วยตารางเมตร (m²)
- เลือก CADR ตามพื้นที่ห้องตารางเมตร (m²)
CADR ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (CMH) = พื้นที่ห้องหน่วยตารางเมตร (m²) x 8 - เลือกเครื่องที่มีปริมาณมากกว่าหรือเท่ากับ CADR ที่คำนวณได้
📌 ตัวอย่างการคำนวณ
ห้องขนาด กว้าง 10 ม. × ยาว 5 ม.
พื้นที่ห้องหน่วยลูกบาศก์เมตร (m²) = 10 x 5 = 50 m²
CADR ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (CMH) = 50 x 8 = 400 CMH
เราก็ได้เลือกเครื่องฟอกอากาศที่สามารถสร้างอากาศสะอาดบริสุทธิ์ CARD ในปริมาณมากกว่าหรือเท่ากับ 400 CMH จึงจะเหมาะสมกับห้องที่สุด
2.3 ติดตั้งเครื่องเติมอากาศเพื่อหมุนเวียนอากาศสะอาด
เครื่องเติมอากาศ (Fresh Air System) คือเครื่องที่นำอากาศจากภายนอกเข้ามาเติมอากาศภายในบ้าน โดยผ่านแผ่นกรองอากาศไม่ให้ฝุ่นด้านนอกเข้ามาด้วย จึงทำให้อากาศที่เข้ามาเป็นอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งมีชื่อเรียกกันในหลากหลายชื่อ เครื่องเติมอากาศบริสุทธิ์ เครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ เครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ ERV และนวัตกรรมใหม่จะเรียกว่า เครื่องเติมอากาศและแลกเปลี่ยนความร้อน (HRV)
ข้อดีของเครื่องเติมอากาศ
✔ ช่วยลด CO₂ และเพิ่มออกซิเจน O₂ ในห้อง
✔ ช่วยลด VOC (สารอินทรีย์ระเหยง่าย) และ Formaldehyde (ฟอร์มาลดีไฮด์)
✔ ป้องกันการสะสมของเชื้อโรค แบคทีเรีย
3. ความแตกต่างระหว่างเครื่องเติมอากาศและเครื่องฟอกอากาศ
คุณสมบัติ | เครื่องฟอกอากาศ | เครื่องเติมอากาศ
|
วัตถุประสงค์การใช้งาน | กรองฝุ่นและมลพิษในอากาศภายในห้อง | นำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้าห้อง และทำให้ฝุ่นจากภายนอกห้องไม่สามารถเข้ามาในห้องได้ |
การทำงาน | เป็นการหมุนวนอากาศภายในห้องผ่านแผ่นกรองอากาศ | ใช้พัดลมดึงอากาศจากภายนอกผ่านแผ่นกรอง |
ควบคุม CO₂ | ไม่ได้ | ได้ |
ลด VOC | ได้บางส่วน | ได้ |
ใช้งานคู่กันได้หรือไม่ | ✅ ควรใช้ร่วมกันเพื่อคุณภาพอากาศที่ดีที่สุด | ✅ ควรใช้ร่วมกับเครื่องฟอกอากาศ |
4. ตำแหน่งในการวางเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม
- วางเครื่องฟอกอากาศในตำแหน่งที่อากาศไหลเวียนดี เช่น กลางห้อง หรือใกล้จุดที่มีการไหลของอากาศจากเครื่องปรับอากาศ
- หลีกเลี่ยงการวางใกล้กำแพงหรือมุมห้อง เพราะจะทำให้อากาศหมุนเวียนได้ไม่ดี
- ไม่ควรวางบนพื้นโดยตรง ควรยกขึ้นจากพื้นประมาณ 50-100 ซม. เพื่อให้สามารถดูดอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่ควรวางใกล้แหล่งความร้อนหรือความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำหรือห้องครัว เพราะอาจทำให้แผ่นกรองเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น
5. วิธีเลือกแผ่นกรองอากาศ
HEPA Filter คืออะไร?
HEPA Filter (High-Efficiency Particulate Air Filter) เป็นแผ่นกรองที่สามารถดักจับฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีระดับต่างๆ ได้แก่:
- HEPA H13 – กรองฝุ่นและเชื้อโรคได้ 99.99% ของอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนเหมาะสำหรับใช้งานกับห้องทั่วไป
- HEPA H14 – กรองฝุ่นและเชื้อโรคได้ 99.999% ของอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน เหมาะสำหรับห้องปลอดเชื้อและโรงพยาบาล
อ่านบทความเกี่ยวกับ HEPA Filter คลิก
แผ่นกรองประเภทอื่น ๆ
✔ แผ่นกรองคาร์บอน (Activated Carbon Filter) – ดูดซับกลิ่นและสารเคมี
✔ แผ่นกรองอิเล็กโตรสแตติก (Electrostatic Filter) – ใช้ไฟฟ้าสถิตจับฝุ่น (ไม่แนะนำเพราะถ้าบำรุงรักษาไม่ดี ประสิทธิภาพจะลดลง)
✔ หลอด UV – ฆ่าเชื้อโรคและไวรัสบนแผ่นกรองอากาศ
6. คำแนะนำในการเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศและการบำรุงรักษา
- เปลี่ยนแผ่นกรอง HEPA ทุก 6-12 เดือน หรือเมื่อพบว่ามีฝุ่นสะสม (แผ่นกรองไม่สามารถล้างน้ำได้)
- แผ่นกรองคาร์บอน ควรเปลี่ยนทุก 6 เดือนเพื่อรักษาประสิทธิภาพในการดูดซับสารพิษ
- หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองล่วงหน้า (Pre-filter) ทุก 2-4 สัปดาห์ โดยการดูดฝุ่นหรือล้างน้ำ
- ตรวจสอบและทำความสะอาดตัวเครื่อง ทุก 3-6 เดือน เพื่อลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรค
อ่านบทความเกี่ยวกับ การวางแผนเปลี่ยนแผ่นกรอง คลิก
สรุปเรื่อง การทำห้องปลอดฝุ่น
- เราควรเลือกเครื่องฟอกอากาศ ตามค่า CADR และ ACH ที่เหมาะกับขนาดห้อง อย่าลืมคำนวนห้องกันด้วยนะ
- ติดตั้งเครื่องเติมอากาศ เพื่อช่วยลด CO₂ และสารพิษ ทำให้ห้องของคุณมีอากาศสะอาดที่มากขึ้น เร็วขึ้น
- ควรเลือกใช้แผ่นกรองอากาศที่มีคุณภาพสูง และประสิทธิภาพดี เพื่อลด PM2.5 และ VOC อย่างน้อยต้องมีแผ่นกรองอากาศ HEPA Filter อยู่ในเครื่องฟอกอากาศด้วย